เศรษฐกิจของออสเตรเลียเติบโตน้อยกว่าที่คาด 0.3 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสของเดือนกันยายน โดยการจับจ่ายของครัวเรือนนั้นอยู่ที่ระดับปานกลางท่ามกลางราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำลงในย่านชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศ และการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างแรงงานที่เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาเป็นเวลานานและก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
การเติบโตในระยะเวลาสิบสองเดือนจนถึงเดือนกันยายนนั้นได้ชะลอตัวลง โดยอยู่ที่ 2.8 เปอร์เซ็นต์ หากอ้างอิงจากข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียที่เผยแพร่ในวันนี้ (5 ธ.ค.)
อัตราการเจริญเติบโตนั้นต่ำกว่าไตรมาสของเดือนมิถุนายน 0.9 เปอร์เซ็นต์ และไม่เป็นไปตามที่ตลาดทุนได้ทำนายไว้อย่างเป็นเอกฉันท์ก่อนหน้านี้ว่าการเจริญเติบโตของไตรมาสที่ผ่านมาน่าจะอยู่ที่ 0.6 เปอร์เซ็นต์ และรายปีน่าจะอยู่ที่ 3.3 เปอร์เซ็นต์
นางซูซาน ฮันเตอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ออสเตรเลียของบีไอเอสออกซ์ฟอร์ดเอโคโนมิกส์ (BIS Oxford Economics) กล่าวว่า การเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) สำหรับปี 2018 นั้นหากดูในขณะนี้ก็น่าจะต่ำกว่าสามเปอร์เซ็นต์ โดยไม่เป็นไปตามที่ธนาคารกลางของออสเตรเลียได้ทำนายไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.5 เปอร์เซ็นต์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียได้สูญเสียมูลค่าไปกว่าครึ่งเซนต์ของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อมีการประกาศข้อมูลดังกล่าว โดยลดต่ำลงกว่า 73 เซนต์ของเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นระยะเวลาชั่วขณะก่อนที่จะคงตัวอยู่ที่ 73.11 เมื่อเวลา 12:00 นาฬิกาตามเวลาชายฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย (AEDT)
การจับจ่ายเพื่อการบริโภคของครัวเรือนนั้นเพิ่มสูงขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาส ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 0.2 เปอร์เซ็นต์ของการเจริญเติบโตของจีดีพี
“เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ครัวเรือนต่างๆ นั้นกำลังจำเป็นที่จะต้องยับยั้งค่าใช้จ่ายไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเผชิญกับแรงต้านอันเนื่องมาจากการที่ค่าจ้างและรายได้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า” คุณซาราห์ ฮันเตอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ออสเตรเลียของบีไอเอสออกซ์ฟอร์ดเอโคโนมิกส์กล่าว
การเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยของการบริโภคโดยครัวเรือนนั้น เกิดขึ้นจากแรงผลักดันในการใช้จ่ายด้านอาหาร การทำประกันและบริการอื่นๆ ทางการเงิน บริการด้านการขนส่ง และด้านสุขภาพ
แต่การจับจ่ายสำหรับสินค้าซึ่งจับต้องได้เช่นรถยนต์ เครื่องเรือน และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในครัวเรือน รวมถึงเสื้อผ้าและรองเท้านั้นลดลง ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าผู้บริโภคนั้นอาจกำลังรู้สึกได้ถึงความฝืดเคือง
และในทำนองเดียวกัน สัดส่วนของการออมโดยครัวเรือนนั้นลดลงเหลือ 2.4 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสเดือนกันยายน โดยที่การจับจ่ายนั้นยังคงเกิดขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่สามารถใช้สอยได้ (disposable income growth) อย่างต่อเนื่อง
และการส่งออกสุทธิ (net export) ก็ส่งผลให้ตัวเลขการน้ำเข้านั้นลดต่ำลงไป 0.3 เปอร์เซ็นต์
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย

ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นสรรพากร ฉกไปแล้ว $800,000