ประเด็นสำคัญ
- รัฐนิวเซาท์เวลส์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในท้องถิ่นวันนี้ 18 ราย คลัสเตอร์เอจแคร์ซัมมิตแคร์ (SummitCare) พบพนักงานติดเชื้อเป็นรายที่ 3 รวมผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์ 8 ราย
- มุขมนตรีเผยอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ ก่อนให้คำตอบว่าจะขยายเวลาล็อกดาวน์พื้นที่ Greater Sydney หรือไม่ ในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.)
- เจ้าหน้าที่กังวลการติดเชื้อจุดใหม่ หลังพบผู้คนรวมกลุ่มในช่วงล็อกดาวน์ที่โรงแรมเมอริตัน สวีท วอเทอร์ลู (Meriton Suites Waterloo) ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อจากจุดนี้แล้ว 7 ราย
6 ก.ค. รัฐนิวเซาท์เวลส์บันทึกยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในท้องถิ่น 18 ราย โดยในบรรดาผู้ติดเชื้อรายใหม่ในท้องถิ่นทั้งหมด ที่มีการบันทึกในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (20:00 น. วันอาทิตย์ จนถึง 20:00 น. ของวันจันทร์) พบ 11 รายที่กักตัว ระหว่างอยู่ในระยะแพร่เชื้อ อีก 5 รายกักตัวเป็นครั้งคราว และอีก 2 รายอยู่ในชุมชนระหว่างอยู่ในระยะแพร่เชื้อ
จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานจากสถานดูแลผู้สูงอายุซัมมิทแคร์ (SummitCare) ในเมืองบอล์กแฮม ฮิลส์ (Baulkham Hills) 1 ราย ซึ่งเป็นพนักงานรายที่ 3 ที่ติดเชื้อ
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 16 รายจากทั้งหมดที่พบในวันนี้ เจ้าหน้าที่พบความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อ และกลุ่มก้อนการติดเชื้อที่เกิดขึ้นอยู่แล้วก่อนหน้านี้ และยังพบอีกว่า ผู้ติดเชื้อ 9 ราย จาก 16 รายที่เชื่อมโยงกับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน ของผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้
นายกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวในวันนี้ (6 ก.ค.) ว่าการล็อกดาวน์ในพื้นที่เกรทเทอร์ ซิดนีย์ (Greater Sydney) นั้น มีผลลัพธ์อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ “อย่างไม่ต้องสงสัย”
“แต่มันยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ ที่ผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่ง ยังคงอยู่ในระยะแพร่เชื้อภายในชุมชนในช่วงเวลานั้น” นางเบเรจิกเลียน กล่าวกับผู้สื่อข่าว
นางเบเรจิกเลียน กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.) จะมีการแถลงความคืบหน้าว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่จะสิ้นสุดลงในวันศุกร์ (9 ก.ค.) จะได้รับการขยายเวลาต่อไปหรือไม่
“เราเพียงต้องการให้การล็อกดาวน์ครั้งนี้ เป็นล็อกดาวน์ครั้งเดียวที่เราจะต้องพบผ่าน และนั่นจะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจของเราว่า มันจะสิ้นสุดลงในวันศุกร์นี้ หรือเราอาจจะต้องขยายเวลาต่อไปให้นานขึ้น” นางเบเรจิกเลียน กล่าว
ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ 32,136 ครั้ง เมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่มีการตรวจหาเชื้อทั้งหมด 58,373 ครั้ง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
วอนออสฯ ฉีดวัคซีนให้เยาวชน หวั่น ‘สายพันธุ์เดลตา’ ระบาดในเด็ก
พญ.เคอร์รี แชนท์ ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า จำนวนการตรวจหาเชื้อนั้นจะต้องเพิ่มขึ้น “อย่างยั่งยืน”
“ดิฉันตั้งเป้าให้มีการตรวจหาเชื้อเกิดขึ้นมากกว่า 40,000 ครั้งในทุกวัน ๆ ตลอดสัปดาห์นี้ เพื่อให้เราสามารถประเมินสถานการณ์ได้ดีที่สุด ว่าเราไม่พลาดในการตรวจหาวงจรการแพร่ระบาดต่าง ๆ” พญ.แชนท์ กล่าว
โดยจนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถานดูแลผู้สูงอายุซัมมิทแคร์ (SummitCare) รวม 8 ราย โดยเป็นผู้สูงวัยในสถานดูแล 5 ราย และพนักงาน 3 ราย
พญ.แชนท์ กล่าวว่า การสอบสวนในการติดเชื้อครั้งใหม่นี้พบว่า พนักงานในสถานดูแลไม่ได้สัมผัสกับผู้สูงวัยในสถานดูแลมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มีพนักงานส่วนหนึ่งที่ได้รับการกักตัว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ประจำอยู่ในพื้นที่ของสถานดูแลดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ เพื่อฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุในสถานดูแลที่ยังคงต้องรับวัคซีน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบการติดเชื้อใหม่ ที่เชื่อมโยงกับการรวมกลุ่มในโรงแรมเมอริตัน สวีท วอเทอร์ลู (Meriton Suites Waterloo) เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยการรวมกลุ่มดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ มีคำสั่งอยู่แต่ในบ้าน (stay-home order) มีผลบังคับใช้ ทำให้มีผู้ที่ไปรวมกลุ่มในโรงแรมดังกล่าวติดเชื้อแล้ว 7 ราย
ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ที่ไปรวมกลุ่มในโรงแรมดังกล่าวคนใด ได้รับโทษปรับจากการฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งนางเบเรจิกเลียน เห็นแย้งในส่วนนี้
“อย่าดูแคลนอารมณ์ส่วนตัว และความเครียดที่คุณจะต้องพบเจอ เมื่อคุณทำสิ่งที่ผิดโดยตั้งใจและมีผลกระทบ ดิฉันขอให้มันเป็นเครื่องเตือนใจ” นางเบเรจิกเลียน กล่าว
“มันเป็นประสบการณ์เลวร้ายที่ต้องพบเจอ เมื่อรู้ว่าการกระทำของคุณทำให้ผู้อื่นต้องตกอยู่ในความเครียด และความโศกเศร้า”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
วอนออสฯ ฉีดวัคซีนให้เยาวชน หวั่น ‘สายพันธุ์เดลตา’ ระบาดในเด็ก
